www.diybmwe36.com
ผู้เขียน: RedHawk
เรื่องโดย: ? วันที่: 2009-09-01 17:28
ความคิดเห็น: คะแนน:
ผู้เขียน: RedHawk
เรื่องโดย: ? วันที่: 2009-09-01 17:28
ความคิดเห็น: คะแนน:
โดย : พี่น้อย RedHawk
เนื่องจากช่วงนี้ มีสมาชิกเข้ามาสอบถามถึงการ ดูรถ E36 มือสอง กันบ่อยมาก ผมจึงมีความคิดว่า เราน่าจะมารวบรวม เทคนิค การดูรถ โดยอาศัยประสบการณ์ ของผู้ใช้รถรุ่นนี้ มาช่วยๆกันโพส ข้อเสนอแนะเอาไว้ เพื่อเป็น refference ให้กับคนที่กำลังจะหาซื้อรถรุ่นนี้อยู่ อย่างน้อยจะได้พอรู้เบื้องต้นว่าควรจะดูตรงไหนอย่างไร เป็นพิเศษ ครับ
อยากให้ผู้ใช้ E36 ในรุ่นต่างๆ มาช่วยกัน โพสแนะนำกันเอาไว้ครับ
เมื่อเปิดฝากระโปรงมา ดูอะไร....
เนื่องจากผมเป็นช่างไฟ ผมจะดูกล่องฟิวส์ก่อนเลยครับ
- ฝาแตกไม๊ ไม่ใช่แตกก็ไม่ซื้อเลยนะครับ ต้องดูส่วนอื่นประกอบด้วย เพียงแต่บวกไว้ในใจ ถ้าซื้อไป ก็ต้องไปซื้อฝามาเปลี่ยนใหม่ประมาณ 500 บ.
และใช้เป็นจุดในการต่อรองราคา เปิดฝาออกดูข้างในต้องไม่มีร่องรอยของการละลายของฐานฟิวส์ ถ้ามี ผมเผ่นเลยครับ ดูฟิวส์ว่าเป็นแบบ original
(แบบหลังเปิดจะเห็นตะกั่วเป็นเส้นอยู่) มากแค่ใหน เปลี่ยนไปใช้แบบใสมากแค่ไหน อันนี้ไว้ประกอบเฉยๆว่าระบบเดิมมีปัญหามาก เจ้าของเก่าก็จะเปลี่ยนฟิวส์มากนั่นเอง และไม่จำเป็นต้องมีฟิวส์ เสียบอยู่ครบทุกตัวนะครับ เพราะบางตัวก็ไม่ได้ใช้ ทีนี้ก็หันไปดู ที่ฝากล่องฟิวส์ จะมีฟิวส์สำรองเสียบอยู่ และก็ตัวคีบฟิวส์ด้วย ถ้ายังอยู่ก็ดีไป ดูซีลยางตรงฝาด้วยเพราะเป็นส่วนที่กันน้ำเข้ากล่องฟิวส์
ดูคานหน้าครับ เป้าหมายคือชนมาเปล่า ทำสีมาเปล่า อันนี้ก็ขึ้นกับเงื่อนไขราคาด้วยนะครับ เช่นถ้าคนขายบอก ไม่มีชนแน่นอนแล้วราคาก็สูง ถ้าเราดูจุดนี้แล้วมันมีการทำสี หรือเปลี่ยนชิ้นใหม่ ก็แสดงว่าคนขายโกหก ถ้าจะเอา(เมื่อดูทุกอย่างแล้วสรุปว่า จะเอา)ก็ต้องต่อราคาให้สมน้ำสมเนื้อ การดูขั้นแรกก็ดูสติ๊กเกอร์สีเหลืองคับ ถ้าบอกว่าเดิมๆไม่เคยชนไม่เคยเปลี่ยนต้องมี และสภาพทำสีกับไม่ทำมันจะมีผลกับสติ๊กเกอร์ที่แปะอยู่ แต่ถ้าทุกอย่างเนียนก็สบายใจไปเปราะหนึ่ง (อย่าลืมเรื่อง สติ๊กเกอร์ที่ผมพบว่ามีหลุดออกมาขาย แต่ไม่ใช่หาได้ง่ายๆ) ดูตรงหัวน๊อต(รูรูปดาวแฉก)ที่วงไว้สีเขียวว่ามีการไขออกหรือทำสีใหม่เปล่า เดิมๆจากโรงงาน กับทำสีใหม่จะไม่เนียนเหมือนเดิม
ดูที่เบ้าโช๊คหน้าว่ายังกลมดีอยู่เปล่า ถ้ามีการชนมาเคาะยังไงก็ยากที่จะกลมเหมือนเดิม และจะมีผลกับศูนย์ และการทรงตัวของรถ
ดูคราบน้ำมันตามแร็ค ตามฝาเครื่อง (แต่ปกติเต้นท์จะขัดจนเนียนอยู่แล้ว หลังจากทดลองขับ ลองเปิดดูอีกที) ว่ามีการรั่วไหลหยดติ๋งๆหรือเปล่า ในรูป ที่วงไว้คือกรองน้ำมันเครื่องของ M50 ด้านล่างต่ำลงไปจะเป็นกระปุกน้ำมันพาวเวอร์ เป็นสีดำถ้าพบว่ามีคราบน้ำมันเลอะอยู่ตรงฝา(แต่ไม่ถึงกับหยดติ๋งๆ)ก็ไม่ต้อง ตกใจ ถือเป็นข้อผิดปกติที่พอรับได้ของรถรุ่นนี้
เมื่อเข้ามาในรถก็ลอง start เครื่องดู ทีเดียวติดไม๊ รอบเดินเบาเรียบไม๊ มีไฟอะไรโชว์ที่หน้าปัทม์บ้าง ดูไมล์ digital ว่าวิ่งไปเท่าไรแล้ว (ไม่ต้องชีเรียส เค้าตั้งกันได้) แล้วก็ลองเปิดแอร์ดู เปิดพัดลมทุก step ว่ามีลมออกครบ ลองกระจกไฟฟ้าขึ้นลงให้สุดทุกบาน
ลองบิดสวิทไฟหน้าด้วย (สวิทไฟหน้า กับ กระจกไฟฟ้า เป็นจุดอ่อนของรถรุ่นนี้) เก็บข้อมูลไว้ต่อรองราคา
เวลาเปิดสวิทซ์ on ไฟระบบต่างๆต้องโชว์หมด แล้วดับ!!
ไม่มีดวงใดติดค้าง ระบบABS,แอร์แบค,ไฟเตือนผ้าเบรค
เคยเจอ ระบบ ABS มีปัญหา เค้าเลยถอดหลอดออกไปเลย
คนมาดูก็ไม่รู้ ว่ามีปัญหา ตรงนี้สำคัญมากครับ ต้องดูดีนะครับ
อาจเป็นจุดเล็กๆที่มองข้ามกันไป
กล่องเครื่องมือตรงกระโปรงหลังมีครบไม๊ ไม่ใช่ตอนดูมี แต่ตอนมาออกรถ หายหมด (เพื่อนเคยเจอมาแล้ว) ดูข้างใต้ยางอะไหล่ กับตรงที่วางแบต ผุไม๊ มีขี้เกลือขึ้นไม๊ ดูตะเข็บด้วยว่ามีชนด้านหลังหรือเปล่า ลึกแค่ไหน
ดูน็อตล้อถ้ามีน็อตกันโขมยด้วย(จะมี1ตัวในแต่ละล้อ) จะต้องมีตัวถอดอยู่ในกล่องเครื่องมือด้านหลัง แต่ถ้าไม่มีน็อตกันโขมยก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่ประการใด
ถ้าเป็น 325 มาดู OBC กัน...
บิดกุญแจไปตำแหน่ง on ก่อน start หรือ start เครื่องอยู่ ให้กดปุ่ม check ถ้าทุกอย่างปกติ มันจะโชว์ดังรูป
ถ้าไม่โชว์ตามรูปบน ก็มาดูว่ามันเตือนอะไรบ้าง เช่นเตือนว่าน้ำล้างกระจกต่ำ หรือน้ำในหม้อพักต่ำ ก็ลองเติมดูสักพักมันต้องหายไป
การ check หน้าจอแสดงผลว่า ไฟติดทุกดวง หน้าจอไม่บอด ทำได้โดย กด 1000 กับ 10 พร้อมกัน(สองปุ่มซ้ายสุด) แล้วกดปุ่ม 1 ตามด้วย set (ปุ่มขวาสุดแถวล่าง) มันจะโชว์ดังรูป แสดงว่า ok
ดูเสาประตูด้านในห้องโดยสาร ทั้งเสา A(คู่หน้า) เสา B (คู่กลาง ว่าแตกหรือเปล่าหรือเลอะเทอะ เอาไปหุ้มใหม่ได้ ) โดยเฉพาะ เสา C (คู่หลังที่มีไฟติดอยู่ด้วย มันมักจะเผยอออกมา ถ้าเป็นก็ไม่ต้องตกกะใจพอซ่อมได้ แต่ก็เป็นอีกหนึ่งรายการไว้ใช้ต่อรองราคา)
ถ้าดูทุกอย่างแล้วเป็นที่น่าพอใจ คาดว่า จะเอาแน่ เกิน 60% ก็ต้องทดลองขับ....
ถ้าเป็น เกียร์ auto ต้องหาโอกาส kickdown ครับ บางคัน คิ๊ก ปุ๊ป ไฟเกียร์โชว์ปั๊บ อย่างนี้ ควรหลีกเลี่ยง.....แต่ถ้าเป็นแถว กทม.อาจจะหาทางโล่งๆให้ คิ๊ก ยากส์หน่อย.....
เกียร์ธรรมดา ก็ พยายามลากรอบดู เปลี่ยนเกียร์ซักช่วงสี่พันรอบขึ้น (ไม่ต้องสนใจ หน้าตาถ ถ มึ ง ทึง ของเจ้าของเต้นที่นั่งมาด้วย ข้างๆ... )
ก็เราจะซื้อมันแล้วนี่นา ต้องลองประสิทธิภาพดูกันหน่อย....
ลองถามหยั่งเชิงดูอีกหน่อย...พี่ๆ ผมของลอง abs ได้เปล่า....ถ้าเค้าไม่เตะเอา ก็ลองเลย.....ไม่ต้องถึงกับเบรคจนเจ้าของเต้นท์กระเด็นทะลุกระจกหน้าออกมานะ เอาแค่พอรู้สึกว่าแป้นเบรคมันเต้น ตุ๊บๆ ก็พอ.... พอเสร็จเลี้ยวเข้าเต้นท์ ก็เปิดดูบริเวณหม้อน้ำดูอีกที....ถ้าโชคดีอาจได้เห็นฟอง ปุ๊ดๆแถวหม้อน้ำหรือรังผึ้ง เพราะเครื่องร้อนได้ที่ (ผมเจอมาแล้ว ก็เลยให้เค้าไปอุดซ่อมให้)
การสังเกตุ ไฟที่หน้าปัทม์ จะเป็นประมาณในรูปเมื่อบิดสวิทมา ตำแหน่งก่อน start (รถผม 325i มี 1 air bag)
พอบิดไปตำแหน่ง พร้อม start ซัก 2 วิ ไฟเตือนแถวล่างก็จะดับหมด (ยกเว้น ไฟเบรคมือ ถ้าเราดึงไว้) เหลือแต่ 2 ดวงบน
พอ start เครื่องเสร็จ ไฟ 2 ดวงบนต้องดับ (ข้างล่างเหลือแต่ไฟเบรคมือ)
]
รอบเครื่องปกติ ควรอยู่ประมาณ 7-8 ร้อย ดังรูปบน
ดูรถก็ต้องเปิดดูห้องเครื่อง ตำแหน่งเปิดฝากระโปรงหน้าอยู่ใต้คอนโซนหน้าฝั่งคนขับ(บริเวณเท้าขวา) พอดึงคันโยกเสร็จ ก็ต้องไปปลดล็อค ใต้ฝากระโปรงอีกทีก่อนยกฝาขึ้น ตำแหน่งจะอยู่ตามรูป คลำปุ๊ปเปิดปั๊ป จะได้ข่มเจ้าของเต้นท์เล็กๆว่าเราพอรู้จักรถรุ่นนี้นะ อย่ามาหลอกกันนะ...
ใน E36 ทุกรุ่น ถ้าเดิมๆจะมี Compartment light ทุกคัน เมื่อเปิดกระโปรงขึ้นมาแล้วไปเปิดไฟหรี่ไฟมันจะติดตามรูป ช่วยได้มากเวลาเปิดดูที่มืดๆ
ความเจ๋งอีกอย่าง (ที่ผมช๊อบชอบ)คือ เมื่อเปิดฝากระโปรงหน้าขึ้น มันจะมีโช๊คค้ำไว้ ไม่ต้องเที่ยวหาก้านขึ้นมาค้ำเหมือนรถส่วนใหญ่ แต่บางคันโช๊คเสื่อมมันก็ค้ำไม่ค่อยอยู่ หรืออาจไม่อยู่เลย (ระวังมันจะหล่นใส่หัวเอา...)
ตรวจเช็คระบบ central lock ทั้ง 6 จุด (รถ 4 ประตู) คือประตูทั้งสี่บาน และที่ฝาถังเติมน้ำมัน กับกระโปรงท้าย คือ กด central lock ที่ประตูคนขับ ครั้งเดียว มันต้องล็อคทั้ง 6 จุด
ปล.กระโปรงท้ายจะไม่มีที่เปิดจากด้านในนะครับ ต้องไปกดเปิดเอาที่ปุ่มกุญแจ ที่ฝากระโปรงหลัง....
จุดน่าสนใจอีกจุดหนึ่งให้ดู ตรงแผง cowling (ที่ภาษาช่างเรียก แผงคอจิ้งหรีด.....จิ้งจก ...ตุ๊กแก อะไรก็แล้วแต่) ทางด้านขวา มันควรจะมี สกรูพาสติกปิดอยู่อย่างเรียบร้อย (เคยเห็นบางคันที่โพสขาย ปีก็ใหม่แต่ตรงจุดนี้ "โบ๋" เลย) โดยเฉพาะ E36 รุ่นแรกๆ (92-93) มักจะมีปัญหาน้ำเข้า ECU หรือ DME ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ได้
ปล. ตำแหน่ง ECU จะอยู่ใต้นั้นพอดี
เพิ่งเจอรูป กระปุกน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ ส่วนใหญ่มันจะมีน้ำมันเย้มอย่างนี้แหละ ไม่ใช่ว่าดี แต่มันไม่มีผลเสียอะไรมาก เรียกอะไรดี "บกพร่องโดยสุจริต" ดีไม๊ เอาเป็นว่า เป็นแบบนี้เกือบทุกคันครับ พอรับได้ ยังไงเราก็ต้องคอยเช็คระดับน้ำมันด้วย(หลังจากซื้อมาแล้ว)
เรื่องเลขไมล์ที่รถวิ่งไปแล้ว ก็ดูไว้เฉยๆครับ ไม่ต้องใส่ใจมาก เพราะสามารถ ตั้งกันได้ ต้องดูประกอบกับส่วนอื่นๆด้วย......
ก่อนจะตกลงทำการซื้อขายให้ถาม หรือขอดูกุญแจที่เค้ามีอยู่ทั้งหมดก่อน ถ้าเป็น ปีใหม่ๆประมาณ 94-95ขึ้นไปจะมีกุญแจรีโมทพร้อม chip immobilizer ด้วย (ดังรูปด้านซ้าย) ครบๆก็ 2 ดอก(ส่วนใหญ่จะได้ไม่ครบ) และก็ แบบด้านซ้ายซึ่งไม่มีรีโมท แต่มี chip immoเหมือนกัน เปิดประตูได้ start เครื่องได้ แต่เปิดเก๊ะเก็บของกับกระโปรงหลังไม่ได้ (เอาไว้ใช้ตอนเก็บของมีค่าไว้ในรถแล้วต้องมอบกุญแจให้คนอื่นไว้เช่นรับจอดรถ หรือล้างรถ) และบางรุ่นก็จะมีแบบกุญแจบางๆด้วย(เอาไว้ใส่กระเป๋าตังค์)
สรุปคือเช็คก่อนว่ามีกุญแจให้กี่ดอก (ผมคิดในแง่ลบ กลัวเค้าให้ไม่หมด ถ้าให้ดีซื้อรถมือสองมา เอาไปติดกันโขมยดีกว่า แค่ไม่กี่พันบาท ซื้อความสบายใจ คือถ้าเราล็อคด้วยกันโขมย ถึงคนอื่นเอากุญแจรีโมทมากดเปิดล็อค กันโขมยมันก็จะดังและstart ไม่ได้) แต่ถ้าเป็น325 ไม่ต้องไปติดกันโขมยก็ได้ เพราะ include อยู่ใน obc เรียบร้อยแล้ว สามารถใส่รหัสตัวเลข 4 หลัก เอาไว้ได้
จุดที่ต้องดูอีกจุดคือพัดลมหน้าเครื่อง ให้ลองเอามือหมุนดูมันต้องหมุนได้แบบฝืดๆหน่อย แล้วก็ดูใบมันว่าอยู่ครบทุกใบไม่หักหรือบิ่น (เคยไปดูให้น้องบางคนเจอ พัดลมใบหักไปใบนึง เจ้าของก็ทำไม่รู้ไม่ชี้..ถ้าซื้อไปก็ต้องเปลี่ยนทันที)
มาดูเครื่องยนต์รุ่นต่างๆใน E36 กัน เริ่มจากรุ่นเก่าหน่อยประมาณปี 91-93 ในรูปเป็นเครื่อง M40
ข้อเสียของ M40 ที่สำคัญคือ สายพาน timing เป็นสายพาน(ยาง) ต้องเปลี่ยนทุก 30 000 โล
รูปนี้เป็น 318i เครื่อง M43 ซึ่งเป็นรุ่นที่มีมากที่สุดในไทย สายพานเป็นโซ่แล้ว
ถ้าเป็นเครื่อง 6 สูบ จะมีเช่น 320 2000 cc ในรูปเป็น M50 ไม่มี vanos เป็นรุ่นเก่าประมาณปี 91-92 สังเกตุด้านหน้าจะเรียบๆ
รูปนี้ เป็น 320 M50 single vanos (วาล์วไอดีแปรผันได้) สังเกตุตรงที่วงไว้ จะมีหัวยื่นออกมา
ปล. 325 ก็เป็นกรณีเดียวกัน แต่ความจุกระบอกสูบเป็น 2394 cc (ในไทย)
เครื่องรุ่นล่าสุด อยู่ใน E36 323 เป็นเครื่องรหัส M52 2400 cc เป็น single vanos (แปรผันทั้งวาล์วไอดี ) สังเกตุง่ายๆ คือฝาเติมน้ำมันเครื่องจะอยู่ด้านหน้า (M50 อยู่ด้านใน)
อันนี้เวลาซื้อรถมือสองทุกคันไม่ว่ายี่ห้อไหนก็ควรต้องดูครับ..
นั่นคือเรื่องของทะเบียนรถทั้งหน้าและหลัง ต้องมีปั๊มตัวนูน "ขส" ครับ ไม่งั้นเดี๋ยวโดนจับ แถมต้องไปขอที่ขนส่งเองเสียทั้งเงินทั้งเวลา..
E36 ส่วนใหญ่ในบ้านเราจะเป็นเกียร์ auto สังเกตุปุ่มด้านขวาของคันเกียร์ มันจะปรับได้ 3 โหมด s หมายถึง sport โดยดันปุ่มขึ้นด้านบนจะมีไฟ led ดวงเล็กๆติดที่ตัว s หมายถึงรถอยู่ในโหมด sport แล้วรถจะเปลี่ยนเกียร์ช้าลงทำให้ลากรอบได้กำลังเพิ่มขึ้นขับสนุกแต่เปลือง น้ำมัน ตอนทดลองขับก็ต้องลองโหมดนี้ด้วย ถ้ากลับมาโหมดปกติ ก็กดปุ่มลงไปตรงๆมันจะกลับมาโหมด E หมายถึง Economic เวลาstart เครื่องจะเข้าโหมดนี้โดยอัตโนมัติ ส่วนถ้าดันลงด้านล่าง จะหมายถึง M Manual เกียร์จะไม่เปลี่ยนอัตโนมัติ บางคันจะเป็นรูปเกล็ดหิมะ(ดังรูปนี้)
สวิทกระจกก็ให้ลองกดขึ้นลงให้สุดทุกปุ่ม ปุ่มตรงกลางด้านขวาที่มีรอบบุ๋มกลมๆตรงกลางจะเป็นปุ่มตัดไฟไปที่สวิทกระจก คู่หลังที่ติดอยู่ที่ประตู ถ้าเรากดปุ่มนี้ลง สวิทที่ประตูหลังจะใช้ไม่ได้ ให้ลองดูด้วยครับ
http://www.e36thailand.com/forums.php?m=posts&q=22&n=last#bottom
เนื่องจากช่วงนี้ มีสมาชิกเข้ามาสอบถามถึงการ ดูรถ E36 มือสอง กันบ่อยมาก ผมจึงมีความคิดว่า เราน่าจะมารวบรวม เทคนิค การดูรถ โดยอาศัยประสบการณ์ ของผู้ใช้รถรุ่นนี้ มาช่วยๆกันโพส ข้อเสนอแนะเอาไว้ เพื่อเป็น refference ให้กับคนที่กำลังจะหาซื้อรถรุ่นนี้อยู่ อย่างน้อยจะได้พอรู้เบื้องต้นว่าควรจะดูตรงไหนอย่างไร เป็นพิเศษ ครับ
อยากให้ผู้ใช้ E36 ในรุ่นต่างๆ มาช่วยกัน โพสแนะนำกันเอาไว้ครับ
เมื่อเปิดฝากระโปรงมา ดูอะไร....
เนื่องจากผมเป็นช่างไฟ ผมจะดูกล่องฟิวส์ก่อนเลยครับ
- ฝาแตกไม๊ ไม่ใช่แตกก็ไม่ซื้อเลยนะครับ ต้องดูส่วนอื่นประกอบด้วย เพียงแต่บวกไว้ในใจ ถ้าซื้อไป ก็ต้องไปซื้อฝามาเปลี่ยนใหม่ประมาณ 500 บ.
และใช้เป็นจุดในการต่อรองราคา เปิดฝาออกดูข้างในต้องไม่มีร่องรอยของการละลายของฐานฟิวส์ ถ้ามี ผมเผ่นเลยครับ ดูฟิวส์ว่าเป็นแบบ original
(แบบหลังเปิดจะเห็นตะกั่วเป็นเส้นอยู่) มากแค่ใหน เปลี่ยนไปใช้แบบใสมากแค่ไหน อันนี้ไว้ประกอบเฉยๆว่าระบบเดิมมีปัญหามาก เจ้าของเก่าก็จะเปลี่ยนฟิวส์มากนั่นเอง และไม่จำเป็นต้องมีฟิวส์ เสียบอยู่ครบทุกตัวนะครับ เพราะบางตัวก็ไม่ได้ใช้ ทีนี้ก็หันไปดู ที่ฝากล่องฟิวส์ จะมีฟิวส์สำรองเสียบอยู่ และก็ตัวคีบฟิวส์ด้วย ถ้ายังอยู่ก็ดีไป ดูซีลยางตรงฝาด้วยเพราะเป็นส่วนที่กันน้ำเข้ากล่องฟิวส์
ดูคานหน้าครับ เป้าหมายคือชนมาเปล่า ทำสีมาเปล่า อันนี้ก็ขึ้นกับเงื่อนไขราคาด้วยนะครับ เช่นถ้าคนขายบอก ไม่มีชนแน่นอนแล้วราคาก็สูง ถ้าเราดูจุดนี้แล้วมันมีการทำสี หรือเปลี่ยนชิ้นใหม่ ก็แสดงว่าคนขายโกหก ถ้าจะเอา(เมื่อดูทุกอย่างแล้วสรุปว่า จะเอา)ก็ต้องต่อราคาให้สมน้ำสมเนื้อ การดูขั้นแรกก็ดูสติ๊กเกอร์สีเหลืองคับ ถ้าบอกว่าเดิมๆไม่เคยชนไม่เคยเปลี่ยนต้องมี และสภาพทำสีกับไม่ทำมันจะมีผลกับสติ๊กเกอร์ที่แปะอยู่ แต่ถ้าทุกอย่างเนียนก็สบายใจไปเปราะหนึ่ง (อย่าลืมเรื่อง สติ๊กเกอร์ที่ผมพบว่ามีหลุดออกมาขาย แต่ไม่ใช่หาได้ง่ายๆ) ดูตรงหัวน๊อต(รูรูปดาวแฉก)ที่วงไว้สีเขียวว่ามีการไขออกหรือทำสีใหม่เปล่า เดิมๆจากโรงงาน กับทำสีใหม่จะไม่เนียนเหมือนเดิม
ดูที่เบ้าโช๊คหน้าว่ายังกลมดีอยู่เปล่า ถ้ามีการชนมาเคาะยังไงก็ยากที่จะกลมเหมือนเดิม และจะมีผลกับศูนย์ และการทรงตัวของรถ
ดูคราบน้ำมันตามแร็ค ตามฝาเครื่อง (แต่ปกติเต้นท์จะขัดจนเนียนอยู่แล้ว หลังจากทดลองขับ ลองเปิดดูอีกที) ว่ามีการรั่วไหลหยดติ๋งๆหรือเปล่า ในรูป ที่วงไว้คือกรองน้ำมันเครื่องของ M50 ด้านล่างต่ำลงไปจะเป็นกระปุกน้ำมันพาวเวอร์ เป็นสีดำถ้าพบว่ามีคราบน้ำมันเลอะอยู่ตรงฝา(แต่ไม่ถึงกับหยดติ๋งๆ)ก็ไม่ต้อง ตกใจ ถือเป็นข้อผิดปกติที่พอรับได้ของรถรุ่นนี้
เมื่อเข้ามาในรถก็ลอง start เครื่องดู ทีเดียวติดไม๊ รอบเดินเบาเรียบไม๊ มีไฟอะไรโชว์ที่หน้าปัทม์บ้าง ดูไมล์ digital ว่าวิ่งไปเท่าไรแล้ว (ไม่ต้องชีเรียส เค้าตั้งกันได้) แล้วก็ลองเปิดแอร์ดู เปิดพัดลมทุก step ว่ามีลมออกครบ ลองกระจกไฟฟ้าขึ้นลงให้สุดทุกบาน
ลองบิดสวิทไฟหน้าด้วย (สวิทไฟหน้า กับ กระจกไฟฟ้า เป็นจุดอ่อนของรถรุ่นนี้) เก็บข้อมูลไว้ต่อรองราคา
เวลาเปิดสวิทซ์ on ไฟระบบต่างๆต้องโชว์หมด แล้วดับ!!
ไม่มีดวงใดติดค้าง ระบบABS,แอร์แบค,ไฟเตือนผ้าเบรค
เคยเจอ ระบบ ABS มีปัญหา เค้าเลยถอดหลอดออกไปเลย
คนมาดูก็ไม่รู้ ว่ามีปัญหา ตรงนี้สำคัญมากครับ ต้องดูดีนะครับ
อาจเป็นจุดเล็กๆที่มองข้ามกันไป
กล่องเครื่องมือตรงกระโปรงหลังมีครบไม๊ ไม่ใช่ตอนดูมี แต่ตอนมาออกรถ หายหมด (เพื่อนเคยเจอมาแล้ว) ดูข้างใต้ยางอะไหล่ กับตรงที่วางแบต ผุไม๊ มีขี้เกลือขึ้นไม๊ ดูตะเข็บด้วยว่ามีชนด้านหลังหรือเปล่า ลึกแค่ไหน
ดูน็อตล้อถ้ามีน็อตกันโขมยด้วย(จะมี1ตัวในแต่ละล้อ) จะต้องมีตัวถอดอยู่ในกล่องเครื่องมือด้านหลัง แต่ถ้าไม่มีน็อตกันโขมยก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่ประการใด
ถ้าเป็น 325 มาดู OBC กัน...
บิดกุญแจไปตำแหน่ง on ก่อน start หรือ start เครื่องอยู่ ให้กดปุ่ม check ถ้าทุกอย่างปกติ มันจะโชว์ดังรูป
ถ้าไม่โชว์ตามรูปบน ก็มาดูว่ามันเตือนอะไรบ้าง เช่นเตือนว่าน้ำล้างกระจกต่ำ หรือน้ำในหม้อพักต่ำ ก็ลองเติมดูสักพักมันต้องหายไป
การ check หน้าจอแสดงผลว่า ไฟติดทุกดวง หน้าจอไม่บอด ทำได้โดย กด 1000 กับ 10 พร้อมกัน(สองปุ่มซ้ายสุด) แล้วกดปุ่ม 1 ตามด้วย set (ปุ่มขวาสุดแถวล่าง) มันจะโชว์ดังรูป แสดงว่า ok
ดูเสาประตูด้านในห้องโดยสาร ทั้งเสา A(คู่หน้า) เสา B (คู่กลาง ว่าแตกหรือเปล่าหรือเลอะเทอะ เอาไปหุ้มใหม่ได้ ) โดยเฉพาะ เสา C (คู่หลังที่มีไฟติดอยู่ด้วย มันมักจะเผยอออกมา ถ้าเป็นก็ไม่ต้องตกกะใจพอซ่อมได้ แต่ก็เป็นอีกหนึ่งรายการไว้ใช้ต่อรองราคา)
ถ้าดูทุกอย่างแล้วเป็นที่น่าพอใจ คาดว่า จะเอาแน่ เกิน 60% ก็ต้องทดลองขับ....
ถ้าเป็น เกียร์ auto ต้องหาโอกาส kickdown ครับ บางคัน คิ๊ก ปุ๊ป ไฟเกียร์โชว์ปั๊บ อย่างนี้ ควรหลีกเลี่ยง.....แต่ถ้าเป็นแถว กทม.อาจจะหาทางโล่งๆให้ คิ๊ก ยากส์หน่อย.....
เกียร์ธรรมดา ก็ พยายามลากรอบดู เปลี่ยนเกียร์ซักช่วงสี่พันรอบขึ้น (ไม่ต้องสนใจ หน้าตาถ ถ มึ ง ทึง ของเจ้าของเต้นที่นั่งมาด้วย ข้างๆ... )
ก็เราจะซื้อมันแล้วนี่นา ต้องลองประสิทธิภาพดูกันหน่อย....
ลองถามหยั่งเชิงดูอีกหน่อย...พี่ๆ ผมของลอง abs ได้เปล่า....ถ้าเค้าไม่เตะเอา ก็ลองเลย.....ไม่ต้องถึงกับเบรคจนเจ้าของเต้นท์กระเด็นทะลุกระจกหน้าออกมานะ เอาแค่พอรู้สึกว่าแป้นเบรคมันเต้น ตุ๊บๆ ก็พอ.... พอเสร็จเลี้ยวเข้าเต้นท์ ก็เปิดดูบริเวณหม้อน้ำดูอีกที....ถ้าโชคดีอาจได้เห็นฟอง ปุ๊ดๆแถวหม้อน้ำหรือรังผึ้ง เพราะเครื่องร้อนได้ที่ (ผมเจอมาแล้ว ก็เลยให้เค้าไปอุดซ่อมให้)
การสังเกตุ ไฟที่หน้าปัทม์ จะเป็นประมาณในรูปเมื่อบิดสวิทมา ตำแหน่งก่อน start (รถผม 325i มี 1 air bag)
พอบิดไปตำแหน่ง พร้อม start ซัก 2 วิ ไฟเตือนแถวล่างก็จะดับหมด (ยกเว้น ไฟเบรคมือ ถ้าเราดึงไว้) เหลือแต่ 2 ดวงบน
พอ start เครื่องเสร็จ ไฟ 2 ดวงบนต้องดับ (ข้างล่างเหลือแต่ไฟเบรคมือ)
]
รอบเครื่องปกติ ควรอยู่ประมาณ 7-8 ร้อย ดังรูปบน
ดูรถก็ต้องเปิดดูห้องเครื่อง ตำแหน่งเปิดฝากระโปรงหน้าอยู่ใต้คอนโซนหน้าฝั่งคนขับ(บริเวณเท้าขวา) พอดึงคันโยกเสร็จ ก็ต้องไปปลดล็อค ใต้ฝากระโปรงอีกทีก่อนยกฝาขึ้น ตำแหน่งจะอยู่ตามรูป คลำปุ๊ปเปิดปั๊ป จะได้ข่มเจ้าของเต้นท์เล็กๆว่าเราพอรู้จักรถรุ่นนี้นะ อย่ามาหลอกกันนะ...
ใน E36 ทุกรุ่น ถ้าเดิมๆจะมี Compartment light ทุกคัน เมื่อเปิดกระโปรงขึ้นมาแล้วไปเปิดไฟหรี่ไฟมันจะติดตามรูป ช่วยได้มากเวลาเปิดดูที่มืดๆ
ความเจ๋งอีกอย่าง (ที่ผมช๊อบชอบ)คือ เมื่อเปิดฝากระโปรงหน้าขึ้น มันจะมีโช๊คค้ำไว้ ไม่ต้องเที่ยวหาก้านขึ้นมาค้ำเหมือนรถส่วนใหญ่ แต่บางคันโช๊คเสื่อมมันก็ค้ำไม่ค่อยอยู่ หรืออาจไม่อยู่เลย (ระวังมันจะหล่นใส่หัวเอา...)
ตรวจเช็คระบบ central lock ทั้ง 6 จุด (รถ 4 ประตู) คือประตูทั้งสี่บาน และที่ฝาถังเติมน้ำมัน กับกระโปรงท้าย คือ กด central lock ที่ประตูคนขับ ครั้งเดียว มันต้องล็อคทั้ง 6 จุด
ปล.กระโปรงท้ายจะไม่มีที่เปิดจากด้านในนะครับ ต้องไปกดเปิดเอาที่ปุ่มกุญแจ ที่ฝากระโปรงหลัง....
จุดน่าสนใจอีกจุดหนึ่งให้ดู ตรงแผง cowling (ที่ภาษาช่างเรียก แผงคอจิ้งหรีด.....จิ้งจก ...ตุ๊กแก อะไรก็แล้วแต่) ทางด้านขวา มันควรจะมี สกรูพาสติกปิดอยู่อย่างเรียบร้อย (เคยเห็นบางคันที่โพสขาย ปีก็ใหม่แต่ตรงจุดนี้ "โบ๋" เลย) โดยเฉพาะ E36 รุ่นแรกๆ (92-93) มักจะมีปัญหาน้ำเข้า ECU หรือ DME ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ได้
ปล. ตำแหน่ง ECU จะอยู่ใต้นั้นพอดี
เพิ่งเจอรูป กระปุกน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ ส่วนใหญ่มันจะมีน้ำมันเย้มอย่างนี้แหละ ไม่ใช่ว่าดี แต่มันไม่มีผลเสียอะไรมาก เรียกอะไรดี "บกพร่องโดยสุจริต" ดีไม๊ เอาเป็นว่า เป็นแบบนี้เกือบทุกคันครับ พอรับได้ ยังไงเราก็ต้องคอยเช็คระดับน้ำมันด้วย(หลังจากซื้อมาแล้ว)
เรื่องเลขไมล์ที่รถวิ่งไปแล้ว ก็ดูไว้เฉยๆครับ ไม่ต้องใส่ใจมาก เพราะสามารถ ตั้งกันได้ ต้องดูประกอบกับส่วนอื่นๆด้วย......
ก่อนจะตกลงทำการซื้อขายให้ถาม หรือขอดูกุญแจที่เค้ามีอยู่ทั้งหมดก่อน ถ้าเป็น ปีใหม่ๆประมาณ 94-95ขึ้นไปจะมีกุญแจรีโมทพร้อม chip immobilizer ด้วย (ดังรูปด้านซ้าย) ครบๆก็ 2 ดอก(ส่วนใหญ่จะได้ไม่ครบ) และก็ แบบด้านซ้ายซึ่งไม่มีรีโมท แต่มี chip immoเหมือนกัน เปิดประตูได้ start เครื่องได้ แต่เปิดเก๊ะเก็บของกับกระโปรงหลังไม่ได้ (เอาไว้ใช้ตอนเก็บของมีค่าไว้ในรถแล้วต้องมอบกุญแจให้คนอื่นไว้เช่นรับจอดรถ หรือล้างรถ) และบางรุ่นก็จะมีแบบกุญแจบางๆด้วย(เอาไว้ใส่กระเป๋าตังค์)
สรุปคือเช็คก่อนว่ามีกุญแจให้กี่ดอก (ผมคิดในแง่ลบ กลัวเค้าให้ไม่หมด ถ้าให้ดีซื้อรถมือสองมา เอาไปติดกันโขมยดีกว่า แค่ไม่กี่พันบาท ซื้อความสบายใจ คือถ้าเราล็อคด้วยกันโขมย ถึงคนอื่นเอากุญแจรีโมทมากดเปิดล็อค กันโขมยมันก็จะดังและstart ไม่ได้) แต่ถ้าเป็น325 ไม่ต้องไปติดกันโขมยก็ได้ เพราะ include อยู่ใน obc เรียบร้อยแล้ว สามารถใส่รหัสตัวเลข 4 หลัก เอาไว้ได้
จุดที่ต้องดูอีกจุดคือพัดลมหน้าเครื่อง ให้ลองเอามือหมุนดูมันต้องหมุนได้แบบฝืดๆหน่อย แล้วก็ดูใบมันว่าอยู่ครบทุกใบไม่หักหรือบิ่น (เคยไปดูให้น้องบางคนเจอ พัดลมใบหักไปใบนึง เจ้าของก็ทำไม่รู้ไม่ชี้..ถ้าซื้อไปก็ต้องเปลี่ยนทันที)
มาดูเครื่องยนต์รุ่นต่างๆใน E36 กัน เริ่มจากรุ่นเก่าหน่อยประมาณปี 91-93 ในรูปเป็นเครื่อง M40
ข้อเสียของ M40 ที่สำคัญคือ สายพาน timing เป็นสายพาน(ยาง) ต้องเปลี่ยนทุก 30 000 โล
รูปนี้เป็น 318i เครื่อง M43 ซึ่งเป็นรุ่นที่มีมากที่สุดในไทย สายพานเป็นโซ่แล้ว
ถ้าเป็นเครื่อง 6 สูบ จะมีเช่น 320 2000 cc ในรูปเป็น M50 ไม่มี vanos เป็นรุ่นเก่าประมาณปี 91-92 สังเกตุด้านหน้าจะเรียบๆ
รูปนี้ เป็น 320 M50 single vanos (วาล์วไอดีแปรผันได้) สังเกตุตรงที่วงไว้ จะมีหัวยื่นออกมา
ปล. 325 ก็เป็นกรณีเดียวกัน แต่ความจุกระบอกสูบเป็น 2394 cc (ในไทย)
เครื่องรุ่นล่าสุด อยู่ใน E36 323 เป็นเครื่องรหัส M52 2400 cc เป็น single vanos (แปรผันทั้งวาล์วไอดี ) สังเกตุง่ายๆ คือฝาเติมน้ำมันเครื่องจะอยู่ด้านหน้า (M50 อยู่ด้านใน)
อันนี้เวลาซื้อรถมือสองทุกคันไม่ว่ายี่ห้อไหนก็ควรต้องดูครับ..
นั่นคือเรื่องของทะเบียนรถทั้งหน้าและหลัง ต้องมีปั๊มตัวนูน "ขส" ครับ ไม่งั้นเดี๋ยวโดนจับ แถมต้องไปขอที่ขนส่งเองเสียทั้งเงินทั้งเวลา..
E36 ส่วนใหญ่ในบ้านเราจะเป็นเกียร์ auto สังเกตุปุ่มด้านขวาของคันเกียร์ มันจะปรับได้ 3 โหมด s หมายถึง sport โดยดันปุ่มขึ้นด้านบนจะมีไฟ led ดวงเล็กๆติดที่ตัว s หมายถึงรถอยู่ในโหมด sport แล้วรถจะเปลี่ยนเกียร์ช้าลงทำให้ลากรอบได้กำลังเพิ่มขึ้นขับสนุกแต่เปลือง น้ำมัน ตอนทดลองขับก็ต้องลองโหมดนี้ด้วย ถ้ากลับมาโหมดปกติ ก็กดปุ่มลงไปตรงๆมันจะกลับมาโหมด E หมายถึง Economic เวลาstart เครื่องจะเข้าโหมดนี้โดยอัตโนมัติ ส่วนถ้าดันลงด้านล่าง จะหมายถึง M Manual เกียร์จะไม่เปลี่ยนอัตโนมัติ บางคันจะเป็นรูปเกล็ดหิมะ(ดังรูปนี้)
สวิทกระจกก็ให้ลองกดขึ้นลงให้สุดทุกปุ่ม ปุ่มตรงกลางด้านขวาที่มีรอบบุ๋มกลมๆตรงกลางจะเป็นปุ่มตัดไฟไปที่สวิทกระจก คู่หลังที่ติดอยู่ที่ประตู ถ้าเรากดปุ่มนี้ลง สวิทที่ประตูหลังจะใช้ไม่ได้ ให้ลองดูด้วยครับ
http://www.e36thailand.com/forums.php?m=posts&q=22&n=last#bottom
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น